ตำนานที่น่าเชื่อถือและนิยมใช้อ้างอิงมากที่สุดคือเรื่องของนาย”คาลดี” (Kaldi) คนเลี้ยงแพะผู้ที่น่าจะดำรงชีวิตอยู่ในช่วง ปี ค.ศ. 600 – 800 แถบอัฟริกาตะวันออกหรือแถบเอธิโอเปียในปัจจุบันนี้
เรื่องมีอยู่ว่า นายคาลดีผู้โดดเดี่ยวค้นพบว่าค่ำคืนหนี่งเขาสังเกตเห็นแพะที่เขาเลี้ยงไว้เกิดมีอาการตื่น กระโดด และคึกคัก เป็นพิเศษหลังจากที่พวกมันได้กินผลไม้สีแดงชนิดหนึ่งที่บริเวณราวป่า เมื่อได้ลองกินเจ้าผลไม้นี้บ้างเขาก็พบว่ามันทำให้ เขารู้สึกว่ามีพลังมากขึ้นและไม่รู้สึกง่วง คาลดีได้แนะนำให้นักบวชในโบสถ์ในละแวกนั้นได้รู้จักกับเจ้าพืชชนิดนี้
นักบวช เมื่อได้ยินเรื่องดังกล่าวจากคาลดี ก็ปรารถนาจะลองกินผลไม้นี้ดูบ้าง จึงได้ลองบิเมล็ดออกใส่ลง ปนในแป้งและเทน้ำเดือดลงทำเป็นเครื่องดื่ม(ซุป) ก็ได้รับผลอันน่าตื่นเต้นเช่นเดียวกัน จึงได้นำออกเผยแพร่ ในหมู่นักบวชด้วยกันเพราะมันช่วยให้เหล่านักบวชตื่นตัวในขณะที่อยู่ในชั่วโมงสวดอันยาวนาน หลังจากนั้น การดื่มกาแฟก็เป็นที่แพร่หลายไปทั่วในหมู่นักบวชชาวมูสลิมที่บอกต่อกันโบสถ์ต่อโบสถ์ จากอินเดียสู่อัฟริกาเหนือ ตลอดจนดินแดนเมดิเตอเรเนียนตะวันออก จนกล่าวได้ว่า ศาสนาอิสลามเผยแผร่ไปที่ไหนก็จะมีวัฒนธรรม การดื่มกาแฟที่นั่น
ประวัติของกาแฟ
สันนิษฐานกันว่าต้นกาแฟมีกำเนิดในจังหวัดคาฟฟา (Kaffa) หรือในบริเวณที่รู้จักในปัจจุบันคือเอธิโอเปีย(Ethiopia) ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ระบุชัดว่า มนุษยชาติค้นพบเมล็ดพืชชนิดนี้เมื่อไรหรืออย่างไร หรือรู้จักวิธีการชงเมล็ดกาแฟเหล่านี้ได้อย่างไร แต่ก็เชื่อกันว่าก่อนที่มนุษย์จะรู้ว่าเมล็ดกาแฟใช้ทำเครื่องดื่ม คนพื้นเมืองคงจะบังเอิญได้เคี้ยวหรือบริโภคทั้งเมล็ดเหมือนอาหารทั่วไป แต่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า มีการค้นพบต้นกาแฟถูกปลูกอยู่ในสวนพระราชฐานในเยเมน (Yemen) เมื่อ 1000 ปีก่อน และติดตามมาด้วยการปลูกในเชิงการค้า อย่างไรก็ดี ข้อมูลอ้างอิงนี้เป็นข้อมูลที่ถูกบันทึกย้อนหลังในศตวรรษที่ 15
ร้านกาแฟแห่งแรก (coffee house) เปิดในเมืองเมคคา (Mecca) ซึ่งเป็นที่แรกที่มีการริเริ่มดื่มกาแฟก่อนที่จะเผยแพร่วัฒนธรรมนี้ไปทั่วโลก ร้านกาแฟเหล่านี้ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปเป็นร้านที่ตกแต่งหรูหราสวยงาม และมีการบรรเลงดนตรี การเต้นรำ เล่นหมากรุก และเป็นที่สนทนาซุบซิบ เป็นทั้งแหล่งบันเทิงและที่พูดคุยด้านธุรกิจ และถูกปิดในที่สุดเมื่อต่อมากลายเป็นที่ก่อการด้านการเมือง ถึงกับประณามว่ากาแฟเป็นเครื่องดื่มอันชั่วร้าย ในขณะที่บางกลุ่มมองว่ากาแฟเป็นยารักษาสารพัดโรค แต่ในภายหลังก็มีการจัดตั้งร้านกาแฟขึ้นมาอีก
การค้าขายกาแฟเป็นการค้าขายที่มีมูลค่าสูงจนชาวอาหรับต้องกีดกันไม่ให้ชาวต่างชาติมีโอกาสได้เห็นต้นกาแฟ รวมทั้งสั่งห้ามนำเมล็ดพันธุ์กาแฟออกนอกประเทศ อย่างไรก็ดี ได้มีการลักลอบนำเมล็ดพันธุ์และต้นอ่อนกาแฟไปปลูกที่อินเดียและชวาซึ่งเป็นเมืองขึ้นของเนเธอร์แลนด์ในขณะนั้น ต่อมาชาวดัทช์กลายเป็นผู้จำหน่ายกาแฟรายใหญ่แก่ชาวยุโรปโดยมีเมืองอัมสเตอร์ดัมเป็นศูนย์กลางการค้า
พ่อค้าชาวเวนิส(Venetian) เป็นผู้นำกาแฟเข้าสู่ยุโรปเป็นรายแรกในปี 1615 และ 30 ปีต่อมาร้านกาแฟ (coffee house)หรือคาเฟ่ (cafe’) ก็มีเกิดขึ้นในเวนิส (Venice) ร้านกาแฟเหล่านี้กลายเป็นที่นิยมทั้งในการสังสรรค์เข้าสู่สังคม และการติดต่อทางธุรกิจ ตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 17 วัฒนธรรมเหล่านี้ก็แพร่สะพัดไปสู่นานาประเทศในยุโรป ได้แก่ ออสเตรีย, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, ฮอลแลนด์ และ อังกฤษ แม้แต่ลอยด์ออฟลอนดอน (Lloyd’s of London) บริษัทประกันภัยที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกก็มีจุดกำเนิดมาจากการเป็นร้านกาแฟ
ขอบคุณข้อมูล และรูปพภาพจาก
#ทำขนม #สูตรขนม #กลุ่มขนม
** สินค้าจัดโปรโมชั่นจากลาซาด้า **
https://shop.romsood.com
** สินค้าจัดโปรโมชั่นจากช้อปปี้ **
https://mycollection.shop/bakery
* กดติดตามเพจเฟซบุ๊คของเราที่ https://www.facebook.com/sotastyrecipes/
** 👨👩👧👦 ร่วมโพสร่วมแชร์คอมเม้นต์กับสูตรหลากหลายจากสมาชิก กดเข้ากลุ่มได้ที่นี่ https://www.facebook.com/groups/soodkanom