สเต๊ก (Steak) เป็นอาหารยุโรปประเภทหนึ่ง มีต้นกำเนิดจากอาหารฝรั่งเศส ปัจจุบันได้แพร่หลาย และนิยมไปทั่วโลก เป็นเมนูหนึ่งในร้านอาหารยุโรปชั้นนำ
การจะมาทำสเต๊กกินเองมักไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งการย่าง การหมัก อะไรต่าง ๆ ยิ่งการใช้ชีวิตยุคนี้ที่ผู้คนมักพักอาศัยในคอนโด ไม่มีครัวเป็นกิจจะลักษณะ ก็ยิ่งทำอาหารยากไปใหญ่
ครั้งนี้เว็บไซต์ “รวมสูตรขนม ของกินต่าง ๆ” จะขอนำเสนอ การทำสเต๊กกินเองง่าย ๆ ด้วยหม้อทอดไร้น้ำมัน ซึ่งเป็นสูตรอาหารของเว็บไซต์เราเอง และคอนเซ็ปต์การทำในวันนี้ คือ เน้นความง่าย และสะดวกในการทำ แต่ไม่ลดทอนความเป็นสเต๊ก ที่มีกลิ่นอายของความเป็นสากล โดยเราจะเลือกใช้วัตถุดิบและเครื่องปรุงที่หาได้ง่าย ๆ ทั่วไปในซุเปอร์มาร์เก็ต
สิ่งที่ต้องเตรียม
เนื้อวัว (Beef) ครั้งนี้เราได้เนื้อออสเตรเลียมา ซึ่งมีลักษณะเนื้อที่นุ่มเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว
ใบไทม์ (Thyme Leaf) เป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่ง มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว จัดอยู่ในตระกูลมิ้นต์ มีถิ่นกำเนิดจากสหรัฐอเมริกา และยุโรป นอกจากหอมแล้ว ยังมีสรรพคุณ ช่วยให้ลำไส้และกระเพาะอาหารทำงานย่อยเนื้อสัตว์ได้ดีขึ้น เราใช้แบบอบแห้งบดหยาบ
โรสแมรี่ (Rosemary) เป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่ง เป็นพืชพื้นเมืองของแถบเมดิเตอร์เรเนียน จัดอยู่ในวงศ์กะเพรา เราใช้แบบอบแห้งบดหยาบเช่นกัน
เกลือ เราใช้เกลือสินเธาว์สีชมพู (Pink Rock Salt) เพราะให้รสเค็มที่กลมกล่อม เค็มไม่มาก เหมาะกับการปรุงสเต๊กมาก ยิ่งถ้าได้เกลือหิมาลายันสีชมพู (Himalayan Pink Salt) ยิ่งดีเลยค่ะ
พริกไทยดำ (Black Pepper) เราใช้แบบบดหยาบ ไว้สำหรับการหมัก
กระเทียม เราใช้แบบผงแห้ง ซึ่งสะดวกในการหมัก และยังคงกลิ่นหอมที่ดี
น้ำมันคาโนล่า เราใช้แบบสเปรย์ เพราะใช้สะดวกพ่นทั่วถึง ไม่ต้องใช้น้ำมันมาก
ทิป: ง่าย ๆ สไตล์คนอยู่คอนโด เราได้เครื่องปรุงแบบรวมมาแบบนี้ โอเคมาก ครบทั้ง กระเทียมป่น เกลือสีชมพู พริกไทยดังภาพเลยค่ะ ซึ่งเครื่องปรุง สามารถซื้อเก็บไว้มาตุนไว้ได้ เพิ่มความสะดวก ลดเวลาเตรียมการไปอีก
วิธีทำ
นำเนื้อออกมาจากตู้เย็น มาทิ้งไว้จนอยู่ในอุณหภูมิห้อง
เมื่อได้เนื้อพร้อมแล้ว ให้นำส่วนผสม กระเทียม พริกไทยดำ โรสแมรี่ ไทม์ เกลือสีชมพู โรยทาที่เนื้อทั้งสองด้าน โดยเริ่มตามลำดับ ดังนี้
กระเทียมป่น (ใส่อันดับแรก เพราะช่วยซับความคาวของเนื้อลง)
ต่อด้วยพริกไทยดำป่น (ใส่ตามกระเทียมเพื่อให้กลิ่นหอมเข้ากับกระเทียม ข้อสำคัญจะไม่ใส่พริกไทยไว้นอกสุด เนื่องจากเวลาย่าง พริกไทยจะไหม้ก่อนเนื้อสุก)
จากนั้นตามด้วยไทม์ และโรสแมรี่ โดยเกลือสีชมพูเป็นส่วนสุดท้าย (เพราะเกลือถ้าถูกเนื้อโดยตรงจะดูดความชื้น จะทำให้เนื้อแห้งได้)
เมื่อพอกเครื่องปรุงทั้งหมดครบแล้วทั้งสองด้าน ให้ทาน้ำมันคาโนล่าเป็นส่วนสุดท้าย เพื่อเก็บกักความชื้นไว้
ระหว่างหมักเนื้อค่ะ โดยเราจะหมักไว้ประมาณ 25 – 40 นาที
ก่อนทำการย่าง เรามาทำความรู้จักความสุกของสเต๊กกันก่อน ว่าแบบไหนที่เราชอบ
ซึ่งขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล รสชาติ และรสสัมผัสประมาณไหน
โดยความสุกนั้น จะใช้กับสเต็กเนื้อวัวเพียงอย่างเดียว เนื่องจากเนื้อชนิดอื่น เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ จำเป็นต้องทำให้สุกเพื่อฆ่าเชื้อที่ทำอันตรายต่อมนุษย์ที่อยู่ภายในเนื้อ
ความสุกของเนื้อนิยมแบ่งได้ 6 แบบ ดังนี้
บลูแรร์ (Blue Rare) : สุกแค่ผิวเนื้อด้านนอก ด้านในยังดิบ รสชาติคล้ายเนื้อดิบ ได้รสธรรมชาติแบบแท้จริงของเนื้อ (ขึ้นกับคุณภาพของเนื้อ) เนื้อจะเหนียวสู้ฟันนิดหน่อย
แรร์ (Rare) : เนื้อด้านนอกสุกพอประมาณ (เป็นสีน้ำตาลอมเทา) ส่วนด้านในยังเป็นเนื้อแดงประมาณ 75% รสชาติของเนื้อ จะเข้มข้นมากขึ้น ถ้าเทียบกับเนื้อดิบ และความชุ่มฉ่ำของเนื้อที่สูง ถ้าเป็นเนื้อที่คุณภาพดี จะเป็นระดับที่ดึงรสชาติของเนื้อนั้นออกมาดีที่สุด
มีเดียม แรร์ (Medium Rare) : เนื้อกึ่งสุกกึ่งดิบ ด้านในยังเป็นเนื้อแดงประมาณ 50% ว่ากันว่าเป็นความสุกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเนื้อสเต๊กส่วนใหญ่ เพราะจะได้นุ่มชุ่มฉ่ำของเนื้อ และความหอมจากการปรุง
มีเดียม (Medium) : ทำให้สุกขึ้นมาอีกนิด เนื้อด้านในอมชมพู นี่คือความสุกในระดับที่พอรับได้สำหรับคนที่ไม่ชอบทานดิบ เนื้อจะรสชาติฉ่ำอยู่ แต่ก็จะเริ่มแข็งขึ้นตามความสุกที่เพิ่มมากขึ้น
ดัน (Done) : ทำให้เนื้อสุกทั่วถึงกัน แต่ยังคงหลงเหลือเนื้อสีชมพูเล็กน้อย รสชาติเข้มขึ้น แต่ก็จะมีรสสัมผัสที่ค่อนข้างสากลิ้นเพราะเซลล์เนื้อคลายน้ำออกมามาก แทบจะไม่มีความชุ่มฉ่ำของเนื้อแล้ว
เวล ดัน (Well Done) : เนื้อสุกทั่วถึงกันทุกส่วน สีน้ำตาลอมเทา เนื้อจะค่อนข้างแห้ง และแข็งพอสมควร ตามคุณภาพเนื้อ ด้วยเพราะทำให้สุกจนแทบไม่เหลือความชุ่มชื้นของเนื้อเลย เหมาะสำหรับผู้ไม่ชอบทานของดิบเลย
เราเลือกแบบ มีเดียมแรร์ ด้วยเพราะเป็นความสุกที่ให้รสชาติของสเต๊กออกมาได้เต็มที่ ครบทั้งรสชาติ และรสสัมผัสที่ชุ่มฉ่ำ
เริ่มกันเลย
นำเนื้อที่หมักไว้แล้ว มาวางใส่บนตระแกรงหม้อทอดไร้น้ำมัน
ตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 180 องศาเซลเซียส ใช้เวลาอบประมาณ 8 นาที
เมื่อครบเวลาที่ตั้งไว้ เปิดดู จับพลิกอีกด้าน แล้วอบต่อไปอีก ประมาณ 7 นาที
เพียงเท่านี้ เราก็ได้สเต๊กเนื้อออสเตรเลีย มิเดียม แรร์ ที่สมบูรณ์ทั้งหน้าตา และรสชาติ
น้ำสีแดงสดในสเต็กนี้ จริง ๆ ไม่ใช่เลือดแต่เป็น ไมโอโกลบิน ซึ่งถือได้ว่าเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง และมีอยู่ในกล้ามเนื้อสัตว์ทุกชนิด เพื่อเป็นตัวนำส่งออกซิเจนไปสู่กล้ามเนื้อ และจะแสดงสีตามแต่ละประเภทของเนื้อ
ไมโอโกลบิน หรือ น้ำเนื้อ เนี่ยละที่เป็นตัวทำให้เนื้อหวานฉ่ำ เข้มข้น จึงไม่แปลกที่เซฟแต่ละท่านจะพยายามรักษา ไมโอโกลบินให้อยู่ในเนื้อในระดับที่พอดี เพื่อความหวานฉ่ำของเนื้อสเต็ก
ข้อควรจำ
ด้วยความต่างของเนื้อแต่ละแบบ น้ำหนัก และความหนา เวลาของความสุกอาจไม่เท่ากัน ควรเช็คเป็นระยะ และก่อนนำออกจากหม้อทอดไร้น้ำมัน ควรกดเช็คเนื้อเบาๆ ว่าได้ความสุกที่ต้องการรึยัง
ทั้งกระบวนการ จนถึงเสร็จพร้อมทาน ใช้เวลาทั้งการเตรียม และการทำไม่นานเลยค่ะ ไม่เลอะด้วย ไม่ควัน ไม่ต้องคอยนั่งเฝ้า ก็ได้สเต๊กดี ๆ เนื้อฉ่ำ ๆ ถือว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งในการทำสเต๊ก แบบง่าย ๆ ค่ะ หากท่านใดสนใจ สูตรอาหาร หรือสูตรขนม สามารถติดตามสูตรใหม่ ๆ ในเว็บของเรา และ trueID (ทรูไอดี) ที่ https://bit.ly/35VG9v1 มีสูตรอะไรให้ค้นหาอีกมากมายเลยค่ะ
#ทำขนม #สูตรขนม #กลุ่มขนม
** สินค้าจัดโปรโมชั่นจากลาซาด้า **
https://shop.romsood.com
** สินค้าจัดโปรโมชั่นจากช้อปปี้ **
https://mycollection.shop/bakery
* กดติดตามเพจเฟซบุ๊คของเราที่ https://www.facebook.com/sotastyrecipes/
** 👨👩👧👦 ร่วมโพสร่วมแชร์คอมเม้นต์กับสูตรหลากหลายจากสมาชิก กดเข้ากลุ่มได้ที่นี่ https://www.facebook.com/groups/soodkanom